Support A Good Cause

เหตุผลที่ต้องตรวจร่างกายก่อนเข้าทํางาน

ปัจจุบันการหางานถือเป็นภารกิจสำคัญสำหรับหลายๆคนอย่างมาก เนื่องจากว่าในช่วง covid-19 นี้จัดได้ว่าเป็นช่วงที่เศรษฐกิจย่ำแย่อย่างยิ่ง จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่หลายๆคนจะพยายามเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตนเอง ด้วยการมองหางาน โดยบางคนเมื่อหางานเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีการสอบสัมภาษณ์และก่อนบรรจุเข้าทำงานจะต้องตรวจสุขภาพ ดังนั้นเหตุผลที่ต้องตรวจร่างกายก่อนเข้าทํางานคืออะไร เชื่อได้เลยว่าหลายๆคนนั้นย่อมสงสัยอย่างแน่นอน และเหตุผลที่ต้องตรวจร่างกายก่อนเข้าทํางานนั้นมีดังต่อไปนี้ 1.ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับทางบริษัทที่เข้ารับทำงาน เนื่องจากปัจจุบันนี้มีโรคระบาดหลายต่อหลายโรค บางโรคอาจจะแอบซ่อนอยู่ก็เป็นไปได้ ดังนั้นจะดีกว่าหรือไม่หากว่าเราจะเลือกเสริมสร้างความมั่นใจให้กับบริษัทที่รับเราไปทำงานด้วยการพยายามตรวจร่างกายให้ครบถ้วนและเด่นชัดในทุกๆด้าน ส่วนใหญ่แล้วเมื่อทางบริษัทรับคุณเข้าทำงานไม่ว่าจะเป็นด้านใดๆ ก็ตาม ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือคุณอาจจะมีความสุข และสมหวัง แต่ก็แทรกด้วยความกังวลในด้านสุขภาพ ดังนั้นหากว่าได้รับการตรวจสุขภาพอย่างครบถ้วนแล้ว ทั้งตัวคุณและทางบริษัทจะต้องพอใจอย่างแน่นอน 2.ลดปัญหาการทำงานได้ในเวลาที่ไม่นาน มีบางบริษัทที่ตั้งกฎต่างๆ เอาไว้กับคนที่ทำงานของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นพนักงานที่เข้าทำงานใหม่ห้ามตั้งครรภ์ หรือบางคนอาจจะไม่ต้องการคนทำงานที่มีปัญหาเรื่องการรักษาตัวในโรงพยาบาลเรื่องโรคทางจิต แต่ละปัญหาเหล่านี้หากว่าบริษัทมาตรวจเจอทีหลังก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาได้หลายต่อหลายประการเช่นกัน ดังนั้นจะดีกว่าหรือไม่ หากว่าเราจะลดปัญหาที่เกิดขึ้นในการทำงานแบบง่ายๆ ด้วยการตรวจสุขภาพไปก่อน เมื่อทางบริษัทรู้ตัวว่าเราป่วยด้วยโรคอะไรก็ตาม เราก็สามารถที่จะแก้ไขได้แบบไม่ยากเย็นจนเกินไป อีกทั้งยังทำให้รู้สึกมีความมั่นใจที่จะเริ่มต้นใหม่ได้อีกด้วย 3.ทำให้เข้ากันได้ดีกับเพื่อนร่วมงานได้ เนื่องจากว่าการมีโรคประจำตัวที่ไม่เปิดเผยอาจจะทำให้เกิดความกังวลใจสำหรับเพื่อนร่วมงาน จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่หากว่าคุณเปิดเผยโรคที่ตนเองเป็นแล้วเพื่อนร่วมงานจะรู้สึกดีกว่าเดิม อีกทั้งยังรู้สึกมั่นใจที่จะคบหาคุณด้วย เพราะว่าปัจจุบันโรคระบาดนั้นมีหลายต่อหลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นโควิด19 และโรคระบาดเกิดใหม่ แต่ละโรคต้องระมัดระวังแทบทั้งสิ้น และนี่ก็คือข้อดีของการตรวจร่างกายก่อนเข้าทํางานอย่างไรก็ดีสำหรับใครที่ไม่อยากให้การเข้าทำงานของเรานั้นมีอุปสรรคอะไรมาขัดขวาง แนะนำว่าให้เลือกใช้วิธีดังที่กล่าวมาข้างต้น รับรองว่าได้ผลอย่างแน่นอน

3 เหตุผลที่ทำให้บ้านพักคนชราในแต่ละที่นั้นมี “ค่าบริการ” ที่แตกต่างกัน

3 เหตุผลที่ทำให้บ้านพักคนชราในแต่ละที่นั้นมี “ค่าบริการ” ที่แตกต่างกัน บ้านพักคนชรา หลาย ๆ คนนั้นรู้จักและอาจจะเคยได้ยินมาบ้าง แต่ว่าอาจจะไม่ใช่ที่ในฝันสำหรับใครหลายคน เพราะบ้านพักคนชรานั้นหลายคนนั้นมองว่าผู้สูงอายุที่ถูกทิ้งจะต้องเข้าพักที่นั้นแต่แท้จริงแล้วนั้นเป็นเพียงความเข้าใจผิดนะครับเพราะบ้านพักคนชรานั้นจะช่วยดูแลผู้สูงอายุที่เข้าพักเพื่อแลกกับค่าตอบแทนเป็นค่าบริการนะครับ ดังนั้นในเรื่องของค่าบริการนั้นบ้านพักคนชรา แต่ละที่ก็มีค่าบริการที่แตกต่างกันด้วยเช่นกัน ดังนั้นเรามาลองดูกันดีกว่านะครับว่าในการเข้าพักบ้านพักคนชรานั้นทำไมถึงมีราคาที่แตกต่างกัน อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ อย่างแรกเลยนั้นคือในเรื่องของ “อุปกรณ์อำนวยความสะดวก” ต่าง ๆ นั้นถ้าหากว่ายิ่งราคาสูงนั้นก็จะยิ่งมีราคาที่สูงขึ้นด้วยเช่นกันเพราะว่ามีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย ดังนั้นถ้าหากว่าเราต้องการเครื่องอำนวยความสะดวกที่ครบครัน แน่นอน ว่าในเรื่องของค่าบริการก็อาจจะสูงขึ้นกว่าปกติด้วยนะครับ สถานที่อำนวยความสะดวกรอบด้าน อีกข้อนั้นคือในเรื่องของ “พื้นที่” ในเรื่องของการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อย่างเช่น 7-11 หรือโรงพยาบาลนั้นถ้าหากว่ามีพื้นที่อำนวยความสะดวกมากขึ้น ในรอบ ๆ ด้านนั้นกะมีราคาที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นถ้าหากว่าในพื้นที่ที่เราเลือกนั้นถ้าหากว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เราก็จะต้องอาจจะเจอกับค่าบริการที่แพงขึ้น(แต่ก็ไม่ถึงมากมายนะครับเพราะว่าค่อนข้างมีผลไม่มากเท่าไหร่) การดูแลที่พิเศษหรือไม่ อีกข้อนั้นคือในเรื่องของ “การดูแล” ถ้าหากว่าในการดูแลนั้นมีความยาก และ การดูแลที่ลำบาก และ เป็นพิเศษนั้นเราจะต้องจ่ายค่าบริการที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน หรือถ้าหากว่าผู้สูงอายุนั้นดูแลตัวเองไม่ได้ ก็จะมีราคาที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ถ้าหากว่าการดูแลนั้นเป็นการดูแลแบบปกตินั้นราคาก็อาจจะไม่สูงขึ้นนะครับแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจจะต้องดูจากหลาย ๆ ปัจจัยด้วยเช่นกัน และนี้เองเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการคิดราคาของ “บ้านพักคนชรา” เท่านั้นนะครับ ยังมีอีกหลากหลายเหตุผลที่จะทำให้ราคาของบ้านพักผู้สูงอายุนั้นมากขึ้น หรือ ต่างกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราอย่าพยายามมองในเรื่องของราคานะครับให้เรานั้นมองในเรื่องของความน่าเชื่อถือ เรื่องของมาตรฐานในการดูแล…

รู้ไว้ก่อนเลือก “ อาชีพ “Java programmer” กับข้อเสียที่ควรรู้

สำหรับเด็กจบใหม่นั้นเชื่อว่าหลายคนนั้น อาจจะมองหางานอย่างโปรแกรมอย่างเช่น Java programmerที่เป็นโปรแกรมเมอร์ยอดฮิตที่หลายคนนั้นเลือกที่จะประกอบอย่างมากเลยนะครับ ดังนั้นสำหรับคนที่กำลังจะหางาน Java programmer เรามาดูถึงข้อเสียของการประกอบอาชีพอย่าง Java programmer กันดีกว่านะครับว่ามีข้อเสียอะไรบ้าง การแข่งขันสูง อย่างแรกเลยนั้นคือในเรื่องของ “การแข่งขันนะครับ” เพราะว่าอาชีพอย่างโปรแกรมเมอร์นั้นค่อนข้างข้างจะมีการแข่งขันที่สูงอย่างมากนะครับ ไม่ว่าจะเป็นการหางานในสายงานก็ตามที่เกี่ยวข้องกับโปรแกรมเมอร์ ดังนั้นถ้าหากว่าเราจะมองหาอย่าง Java programmer หรือ โปรแกรมเมอร์อื่น ๆ ก็ตาม นั้นจะมีการแข่งขันที่สูงอย่างมากนะครับ ใช้ความคิดอย่างมาก อีกหนึ่งข้อเสียของการทำงานกับโปรแกรมเมอร์นั้นคือในเรื่องของ การทำงานหนักอย่างมากนะครับ เพราะว่าเป็นงานที่ต้องใช้งานหนักอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้จะทำงานทั้งวันทั้งคืนแต่ว่าแน่นอนว่าก็ยังทำงานหนักอย่างมากไม่ว่าจะเป็นการทำงาน คิดงาน แก้งาน นั้นค่อนข้างจะมีการทำงานที่หลากหลายอย่างมากดังนั้นเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ต้องใช้การทำงานหนักอย่างมากนะครับ ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา อีกข้อที่สำคัญนั้นคือในเรื่องของ “ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา” นะครับเพราะว่าปัจจุบันนั้นจะมีการพัฒนาโปรแกรมต่าง ๆ ตลอดเวลา ดังนั้นในการทำงานนั้นเราจะต้องเจอกับการพัฒนาตลอดเวลา ดังนั้นอีกหนึ่งข้อเสียของการทำงานกับโปรแกรมเมอร์ต่าง ๆ นั้นคือจะต้องเรียนรู้อย่างหนักมา และ จะต้องมีการพัฒนาตัวเองตลอดเวลาอย่างมากนะครับ หางานค่อนข้างยาก ในต่างจังหวัด อีกหนึ่งข้อเสียของตำแหน่งงานประเภทนี้นั้นคือในเรื่องของ “การหางาน” ค่อนข้างจะยาก กว่าสายงานอาชีพอื่น ๆ เพราะว่าส่วนมากนั้นจะมีสายงานนี้ในเฉพาะในจังหวัดใหญ่ ๆ เท่านั้นดังนั้นสายงานนี้อาจจะลำบากสักหน่อยนะครับถ้าหากว่าอยู่ต่างจังหวัดดังนั้นจะต้องทำความเข้าใจในเรื่องด้วยนะครับ เพราะว่าถ้าหากว่าอยากทำงานสายนี้จริง ๆ อาจจะต้องเข้ากรุงเทพมหานครในการทำงานนนะครับ ดังนั้นนี้เองจึงเป็นเรื่องที่เป็นข้อเสียของการทำงานในสายโปรแกรม ซึ่งไม่ใช่แค่สายอาชีพนี้เท่านั้นนะครับที่มีข้อเสียในสายอาชีพอื่น ๆ เองก็มีข้อเสียด้วยเช่นกัน ดังนั้นหากใครที่พร้อมจำทงานในสายอาชีพนี้แนะนำว่าให้งานได้เลยนะครับ

สกินแคร์เซเว่น ใช่หรือเปล่า

ที่เคยมีคนบอกกันว่าไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง ไม่รู้ว่าจริงไหม เพราะผู้หญิงบางคนคนไม่ต้องแต่งหรือเติมอะไรก็สวยแล้ว เพียงแค่บำรุงหน้าด้วยสกินแคร์ดี ๆ สักตัวที่สามารถบำรุงเข้าสู่ชั้นผิวได้อย่างดี เหมือนกับผิวหน้าได้รับการดูแลอยู่ตลอดเวลา ให้ผิวหน้าได้มีความขาวใสอมชมพู เหมือนกับว่าแอบทารองพื้นและแอบปัดแก้มอยู่ตลอดเวลาเช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน แต่ความจริงเพียงแค่บำรุงผิวหน้าด้วยBB เซเว่นเท่านั้น ก็สามารถมีผิวที่สวยได้แบบที่ไม่ต้องแต่ง หรือเติมอะไร ไม่แต่งก็งามได้ เซเว่นไม่ได้มีดีแค่ของกินอร่อย แต่มีสิ่งหนึ่งที่หลาย ๆ คนอาจยังไม่รู้นั่นคือ BB เซเว่นก็เป็นสิ่งดี ๆ เช่นกันที่อยากจะมาแนะนำ นอกจากเมนูข้าวที่หลากหลายหลายในเซเว่น BB เซเว่นก็มีหลากหลายตัวไม่แพ้กันเลย ไม่ว่าจะมีปัญหาผิวหน้าอะไรมาเพียงเดินเข้าโซนBB เซเว่นปุ้ป ก็สามารถเตรียมตัวผิวสวยได้เลยกันถ้วนหน้า BB เซเว่นไม่ได้เป็นแค่เพียงครีมทาแล้วให้ความขุ่มชื้น แต่มีหลากหลายประโยชน์มากมาย เรียกได้ว่าBB เซเว่นนี่ไม่ธรรมดาเลยเชียว มองผ่านไม่ได้เลยนะสำหรับสาว ๆ ที่อยากผิวหน้าสวยใสอมชมพู แบบที่ไม่ต้องแต่งหน้าทารองพื้น ปัดแก้มก็สวยได้ สามารถเดินหน้าสดออกจากบ้านได้เลยเสริมความมั่นใจให้กับใครหลาย ๆ คนที่ตอนนี้ยังไม่มั่นใจในผิวหน้าตัวเอง ต้องบำรุงอะไรต่ออีกหน่อย ก็จบที่ตัวนี้ตัวเดียวเลยBB เซเว่น แล้วในเรื่องของราคาหล่ะแพงมั้ย คุณภาพคับซองขนาดนี้แก้ปัญหาผิวได้มากมายขนาดนี้ แถมยังช่วยบำรุงอะไรอีกตั้งเยอะตั้งแยะ ราคาต้องแพงแน่เลย ความจริงแล้วคือไม่เลย ราคาไม่แพงเลย เรียกได้ว่าทุกคนสามารถซื้อใช้กันได้…

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเลสิก

แม้ปัญหาสายตาสั้นจะเป็นปัญหาที่ร้ายแรงเพียงใดก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่หลายๆ คนอาจจะไม่เคยได้สังเกตก็คือ แม้ว่าสายตาของเราจะสั้น แต่ก็สามารถแก้ไขโรคนี้ได้อย่างแน่นอน ด้วยความที่ปัจจุบันนี้มีเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย ที่ช่วยแก้ปัญหาสายตาสั้นได้อย่างเห็นผล หากว่าใครที่สนใจจะทำเลสิกสิ่งที่ต้องรู้ก่อนเพื่อนก็คือการทำความเข้าใจและค้นคว้าหาความรู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และความเข้าใจผิดเกี่ยวกับLasik มีดังต่อไปนี้ 1.Lasik ราคาแพงเกินไป สำหรับปัญหาแรกที่หลายๆ คนอาจจะเข้าใจผิดกันก็คือการทำ LASIK มีราคาแพงเกินไป ทั้งที่ความจริงแล้วการทำ LASIK จัดได้ว่าเป็นการรักษาทางดวงตาที่มีราคาสมเหตุสมผลอย่างยิ่ง เพราะขั้นตอนของการ LASIK มีความซับซ้อนและยากพอสมควร ที่สำคัญยังจะต้องใช้แพทย์เฉพาะทางอีกด้วย ดังนั้นจะดีกว่าหรือไม่หากว่าเราจะพยายามเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตนเองด้วยวิธีที่ไม่ยากเกินไป 2. ReLEx เหมือนกับ Lasik ความเข้าใจผิดอีกประการที่คนซึ่งไม่ได้มีปัญหาสายตาอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนก็คือ Lasik กับ ReLEx ก็คืออย่างเดียวกัน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วทั้งสองอย่างมีความแตกต่างกันอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการทำ และการดูแลหรือปฏิบัติตนเองหลังจากการรับการรักษา แต่ละอย่างมีความแตกต่าง จนทำให้เรารู้สึกอย่างเห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นเรื่องยากนั่นเอง ReLEx จะไม่ได้มีการเปิดชั้นกระจกตา ในขณะที่ Lasik จะมีการเปิดชั้นกระจกตา ซึ่งสองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันมาก 3. Lasik ไม่ต้องพักฟื้น อีกหนึ่งอย่างที่ถือว่าเป็นความเข้าใจผิดที่อาจจะส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของคนไข้ได้ก็คือ Lasik ไม่ต้องพักฟื้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว Lasik แม้จะสามารถทำงานได้ในวันรุ่งขึ้นก็ตาม แต่หากว่าเรานั้นปล่อยให้น้ำเข้าตาก็อาจจะเกิดปัญหา คือแผลไม่แห้งนั่นเอง อย่างไรก็ดี สำหรับใครที่เกิดข้อข้องใจเกี่ยวกับการทำ Lasik ควรสอบถามแพทย์ให้ละเอียดก่อนตัดสินใจทำ เพื่อให้เกิดผลดีกับตนเอง 4.อายุไม่ถึง 18 ปีก็สามารถทำได้ อีกหนึ่งอย่างที่หลายๆ คนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนก็คือการที่คิดว่าเลสิก สามารถทำได้ทุกเพศและทุกวัย ทั้งที่ความจริงก็คือหากคุณจะทำ Lasik คุณต้องมีอายุครบ 18 ปีก่อน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าค่าสายตาคงที่อย่างแท้จริงแล้ว สำหรับใครที่ต้องการให้การดูแลสุขภาพดวงตาเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ ขอแนะนำเลยว่าการเลือกทำสิ่งที่เหมาะสมกับดวงตาของคุณไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด และอย่าลืมมองหาแพทย์ที่ทำเลสิกได้เก่งและดีที่สุด เพื่อการรักษาที่ราบรื่นนั่นเอง

สมุนไพรขับปัสสาวะสำหรับสาวๆ ชาวออฟฟิศ

สาวออฟฟิศหลายคน หรือ คนที่นั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานคงต้องเคยเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือ มีอาการปัสสาวะขัด เจ็บ แสบเวลาปัสสาวะ และรู้สึกปัสสาวะไม่สุด โดยอาการเหล่านี้มักเกิดจาก การดื่มน้ำน้อยจนทำให้ปัสสาวะข้นซึ่งเป็นแหล่งสะสมที่ดีของเชื้อแบคทีเรีย จนส่งผลต่อการอักเสบและติดเชื้อบริเวณช่องคลอดและ กระเพาะปัสสาวะนั่นเองค่ะ ต่อมาคือ การกลั้นปัสสาวะ หลายคนมักชอบกลั้นปัสสาวะ เพราะมีธุระติดพันที่ต้องทำให้เสร็จซึ่งนี่คือสิ่งที่ส่งผลเสียต่อกระเพาะปัสสาวะมาก โดยปกติในช่วงกลางวันควรดื่มน้ำให้มาก และปัสสาวะประมาณ 4-5 ครั้ง ในช่วงกลางวัน ส่วนกลางคืนควรดื่มน้ำน้อยลงเพื่อไม่ต้องลุกมาปัสสาวะบ่อยครั้งในช่วงหลับที่อาจส่งผลต่อการพักผ่อนไม่เพียงพอได้นั่นเองค่ะ ใส่กางเกงใน กางเกง หรือ ชุดที่รัดบริเวณช่วงล่างมากเกินไป การใส่ชุดที่รัดโดยเฉพาะ กางเกง หรือ กางเกงในอาจทำให้บริเวณช่องคลอดเรามีความอับชื้น ระบายอากาศได้ไม่ดี ซึ่งจะเป็นจุดรวมตัวของแบคทีเรียได้ และ ทำให้ช่องคลอดกับกระเพาะปัสสาวะของเราอักเสบนั่นเองค่ะ รวมทั้งการเช็ดทำความสะอาดอวัวเพศหลังจากเข้าห้องน้ำ ควรเช็ด และ ซับให้แห้ง และควรเช็ดจากทางด้านหน้าไปด้านหลัง ไม่ควรเช็ดจากด้านหลังมาด้านหน้าเพราะอาจนำพาแบคทีเรียจากบริเวณทวารมาที่ช่องคลอดได้นั่นเองค่ะ ใครเคยเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือ มีอาการปัสสาวะขัดจะทราบกันดีว่ามันทรมานมากแค่ไหนจริงไหมคะ ดังนั้นสิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตใหม่เป็นหลัก และ นอกจากนั้นการกินสมุนไพรที่ช่วยเรื่องขับปัสสาวะ และ ดูแลกระเพาะปัสสาวะของเราก็เป็นอีกหนึ่งทาเสริมที่จะช่วยให้อาการทุเราลงได้นั่นเอง โดยสมุนไพรที่สามารถช่วยเรื่องกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ขับปัสสาวะได้มีดังนี้ ตะไคร้ ใช้ต้นแก่สด วันละ 1 กำมือ…

การลดน้ำหนักด้วย Ketogenic

กระแสการดูแลสุขภาพและการลดน้ำหนักเปลี่ยนไปตลอดเวลา มีการค้นหาวิธีการต่างๆ ที่ทำให้การลดน้ำหนักนั้นสัมฤทธิ์ผล และเพิ่มทางเลือกให้กับคนที่จะลดน้ำหนัก ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การคุมอาหาร การลดน้ำหนักแบบ IF หรือ Intermittent Fasting และในปัจจุบันที่มีความนิยมเป็นอย่างมากคือ การลดน้ำหนักแบบคีโตเจนิค คีโตเจนิค ไดเอท (Ketogenic Diet) คีโตเจนิค ไดเอท (Ketogenic Diet) คือการกินที่เน้นไขมันสูง รองมาด้วยโปรตีน โดยลดคาร์โบไฮเดรตให้เหลือในปริมาณที่น้อยมากๆ ลดการบริโภคคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลให้น้อย แต่ให้แทนที่ด้วยไขมันทั้งจากพืชและสัตว์แทน ซึ่งหลายๆ คน คิดว่าไขมันคือตัวอันตรายคือศัตรูของคนลดความอ้วน แต่ในวิธีการการไดเอท แบบ คีโตเจนิค จะมีกระบวนการและกลไกดังนี้ เมื่อเราลดปริมาณการกินคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลลง ร่างกายของเราจากเดิมที่เคยนำกลูโคสในเลือดที่มาจากอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต น้ำตาล มาใช้เป็นพลังงาน เมื่อไม่มีกลูโคสในส่วนนั้น จึงมีการดึงเอาไขมัน มาเพื่อแทนที่ ซึ่งกระบวนการนี้ทำให้เกิดการเผาผลาญ โดยเรียกว่า คีโตสิส (Ketosis) ทำให้เกิดสารที่เรียกว่า คีโตน (Ketone) ในตับ โดยหลังจากเริ่มการกินแบบคีโตเจนิคไปหลายวันหรือหลายสัปดาห์ ร่างกายและสมองอาจรู้สึกอ่อนล้า เหนื่อยง่าย มีกลิ่นปาก แต่จะค่อยๆ…

ลดน้ำหนักแบบ IF

IF หรือ Intermittent Fasting คือการลดน้ำหนักแบบจำกัดช่วงเวลาการกิน เป็นวิธีการควบคุมน้ำหนักสูตรหนึ่ง ที่ได้รับความนิยม และเป็นที่สนใจเพิ่มขึ้นอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นวิธีที่หลายๆ คนบอกว่าง่าย และสะดวกกว่าการทำอาหารคลีน การออกกำลังกาย ในการทำ IF จะแบ่งเวลาการกินออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงอด (Fasting) และช่วงกิน (Feeding) โดยวิธีการของการทำ Intermittent Fasting นั้น จะมีประโยชน์หลัก คือสามารถช่วยยกระดับการเผาผลาญไขมันให้กับร่างกาย จึงทำให้น้ำหนักจากการสะสมของไขมันจึงลดลงไปด้วย ซึ่งหลักการเผาผลาญไขมันคือ ในช่วงอด (Fasting) ระดับอินซูลินจะลดลง ระดับของ Growth Hormone สูงขึ้น การอดระยะสั้นสลับกันไปนี้ จะสามารช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกายได้ 3.6-14% อีกทั้งยังช่วยลดไขมันสะสมรอบเอว โดยไม่ทำให้มวลกล้ามเนื้อลดลองเหมือนกับการอดอาหารเพื่อลดน้ำหนักแบบอื่นด้วย อดอาหารแบบไหนได้บ้าง ? Lean Gains เป็นวิธีที่นิยมมาก คือการอดอาหาร 16 ชั่วโมง และกิน 8 ชั่วโมง โดยจะเริ่มเวลาไหนก็ได้ ที่มีความเหมาะสมและไม่กระทบต่อวิถีชีวิตของเรามากนัก…